Intel ซื้อบริษัทสแกนไวรัส McAfee

Intel ซื้อบริษัทสแกนไวรัส McAfee

ฮือฮาเหลือเกินเมื่อผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อันดับ 1 ประกาศซื้อบริษัทแอนตี้ไวรัสอันดับ 1 โดยอินเทล (Intel) ตัดสินใจซื้อแมคอาฟี (McAfee) ในราคา 7,680 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.42 แสนล้านบาทช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกฝ่ายเชื่อ การทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อซื้อกิจการต่างสายพันธุ์ของอินเทลนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการไอทีทั่วโลก

เหตุที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการซื้อแมคอาฟีของอินเทลจะนำไปสู่การพลิกฟ้าไอทีโลกนั้นมีหลายส่วน ทั้งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมชิปคอมพิวเตอร์และตลาดระบบรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ไอที ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อบริษัทผู้ผลิตรายอื่นในตลาด พันธมิตรที่เกี่ยวข้อง และแน่นอนที่สุดคือลูกค้าผู้บริโภคทั้งในกลุ่มองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป

อินเทลตกลงซื้อหุ้นแมคอาฟี่ในราคา 48 เหรียญต่อหุ้น สูงกว่ามูลค่าตลาดวันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 53 ถึง 60% โดยยังไม่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ

ตามความคาดหมาย อินเทลมีแผนจะติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสลงในไมโครชิปแบรนด์อินเทล เสริมจากปัจจุบันที่อินเทลได้เริ่มติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสลงในผลิตภัณฑ์ของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าการซื้อแมคอาฟีจะเป็นการตอกย้ำว่า อินเทลกำลังจะพาโลกทั้งใบกระโดดเข้าสู่ยุคใหม่ “security-on-silicon” เปลี่ยนจากเดิมที่ผู้ใช้ต้องดิ้นรนซื้อและควานหาซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสมาติดตั้งด้วยตัวเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีผลโดยตรงต่อทั้งอุตสาหกรรมซีเคียวริตี้และอุตสาหกรรมซิลิคอน เนื่องจากที่ผ่านมาอินเทลนั้นมีอิทธิพลมหาศาลต่อวงการคอมพิวเตอร์ทั่วโลก เพราะชิปที่ขับเคลื่อนคอมพิวเตอร์ทั่วโลกมากกว่า 80% นั้นแปะยี่ห้ออินเทลทั้งในกลุ่มคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องแม่ข่าย

ไม่ใช่แค่ยุคใหม่ แต่การซื้อบริษัทแอนตี้ไวรัสเบอร์หนึ่งจะทำให้อินเทลสามารถเปิดตลาดใหม่ได้ด้วย โดยอินเทลประกาศว่า การควบรวมกับแมคอาฟีคือส่วนหนึ่งของแผนขยายธุรกิจสู่ตลาดอุปกรณ์พกพาและอุปกรณ์ไร้สาย ทั้งโทรศัพท์มือถือ ระบบนำทางในรถยนต์ โทรทัศน์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านสุขภาพ

Renee James ผู้บริหารอินเทลฝ่ายซอฟต์แวร์ของอินเทลระบุว่าโอกาสที่อินเทลมองคืออุปกรณ์ออนไลน์หลายพันล้านเครื่องทั่วโลกที่ยังต้องการความปลอดภัยสูง จุดนี้ทำให้อินเทลมองว่าบ่อทองของอินเทลในอนาคตอยู่ที่ตลาดระบบฝังตัว (embedded market) โดยเฉพาะตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีโปรแกรมจิ๋วติดตั้งภายในเพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

เช่นเดียวกับ Dave DeWalt ซีอีโอแมคอาฟีที่เห็นด้วยว่าธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตนั้นมีโอกาสเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ไร้สายมีบทบาทโดยตรงกับวิถีชีวิตมนุษย์ปัจจุบัน

ทั้งหมดนำไปสู่การตัดสินใจรวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน โดย DeWalt โพสต์ให้คำมั่นไว้ในบล็อกหลังการแถลงข่าว ว่าการรวมกันของแมคอาฟีและอินเทลจะนำไปสู่การยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยยุคหน้า ซึ่งจะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เนื่องจากที่ผ่านมา อาชญากรไซเบอร์นั้นใช้ความเสรีและความสะดวกง่ายดายของอินเทอร์เน็ตในทางที่ผิด ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตกอยู่ในความเสี่ยงมาโดยตลอด

อินเทลเชื่อว่า ชิปอินเทลพร้อมซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแมคอาฟีรุ่นแรกจะเริ่มเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในครึ่งปีแรกของปี 2011 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่อุปกรณ์น้องใหม่อย่าง Google TV ที่อินเทลจะร่วมมือกับกูเกิลและลอจิเทคสร้างสรรค์ตลาดทีวีออนไลน์รูปแบบใหม่จะได้ฤกษ์วางตลาด

** แอนตี้ไวรัสรายอื่นไม่หวั่น **

ผู้ผลิตซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสรายอื่นยังคงแสดงท่าทีเข้มแข็งว่าไม่หวั่นใจกับการซื้อแมคอาฟีของอินเทล โดยผู้บริหารบริษัทแพนด้าซีเคียวริตี้ (Panda Security) ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีอย่างยิ่งต่อความเคลื่อนไหวนี้ของอินเทล เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือข่าวดีในอุตสาหกรรม เนื่องจากการตัดสินใจขายบริษัทของแมคอาฟีย่อมทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างคึกคักยิ่งขึ้น

Juan Santana ซีอีโอแพนด้าเชื่อว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เป็นไปตามแนวคิดอมตะที่ว่าการรักษาความปลอดภัยจะเป็นเสาหลักของระบบการประมวลผลยุคหน้า โดยมองว่ากาลเวลาจะบอกเองว่าการควบรวมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีหรือร้ายแก่ทั้งลูกค้า พันธมิตร และผู้ถือหุ้นของแมคอาฟีและอินเทล

เหนือสิ่งอื่นใด ผู้บริหารแพนด้าเชื่อว่าข่าวนี้จะทำให้ภาพความสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัยนั้นเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้ อินเทลเคยแสดงท่าทีเตรียมนำเทคโนโลยีของแมคอาฟีมาใช้รักษาความปลอดภัยในระบบเก็บข้อมูลของแอปพลิเคชันและบริการคลาวด์คอมพิวติง (cloud computing) ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์แรงสำหรับบริษัทที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้แอปพลิเคชันออนไลน์และบริการฝากไฟล์บนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว คาดว่าจะในอนาคตจะมีการเติบโตรวดเร็วในตลาดนี้

แมคอาฟีนั้นเป็นบริษัทในแคลิฟอร์เนียซึ่งก่อตั้งในปี 1987 สามารถสร้างรายได้มากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2009 โดยก่อนหน้าข่าวนี้ เอชพี (HP) ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ก็ประกาศซื้อบริษัทแอนตี้ไวรัสนาม Fortify Software เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นการตอกย้ำความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะพลิกฟ้าไอทีทั่วโลกในอนาคต

ขอขอบคุณข้อมูล : http://www.manager.co.th